วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2557

โรคของต้นชวนชม


โรคของต้นชวนชม

 โรคราน้ำค้าง (Downy mildew) 


             สาเหตุของโรค เกิดจากเชื้อราPeronospora parasitica ลักษณะอาการของโรค 
    จะพบกลุ่มของเชื้อราเป็นผงสีขาวหรือสีเทาบนใบต่อมาด้านหลังใบจะเกิดแผลสีเหลืองต่อมาเป็นสีน้ำตาล แผลค่อนข้างเป็นสี่เหลี่ยมขอบไม่แน่นอน ถ้าเป็นรุนแรง แผลจะมีจำนวนมาก ใบจะเหลืองและแห้งร่วงหล่น ใบที่อยู่ตอนล่างๆ จะมีแผลเกิดก่อน แล้วลามระบาดไปยังใบที่สูงกว่า ในต้นอ่อนจะเริ่มมีแผลสีเหลืองที่ใบเลี้ยง และมักจะหลุดร่วงไป อาจจะทำให้ต้นเติบโตช้า โทรมอ่อนแอและตายได้ ถ้าโรคระบาดในระยะติดฝักอ่อน ก็มีแผลเช่นเดียวกับแผลที่เกิดบนใบ ฝักไม่สมบูรณ์ การแพร่ระบาด  
สปอร์ของเชื้อราจะปลิวไปตามลมหรือติดไปกับสิ่งเคลื่อนไหวต่างๆ แล้วตกลงบนใบพืชเข้าทำลายพืชทางปากใบ อยู่ข้ามฤดูปลูกโดยสร้างสปอร์ (ส่วนขยายพันธุ์)ผนังหนา (oospora) ซึ่งติดอยู่ตามเศษซากพืชหรืออาศัยกับต้นที่งอกเองนอกฤดู และติดไปกับเมล็ดที่ใช้ทำพันธุ์ สภาพที่เหมาะต่อการเกิดโรค  
ความชื้นสูง อุณหภูมิระหว่าง 20-24 องศาเซลเซียส มีหมอกหรือน้ำค้างลงจัด 
          การป้องกันกำจัด 
1.ใช้เมล็ดพันธุ์ปราศจากเชื้อ หรือแช่เมล็ดในน้ำร้อน 50 อง เซลเซียส 20-30 นาที ก่อนปลูก หรือคลุกเมล็ดด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช เมตาแลกซิล หรือ เมตาแลกซิล+แมนโคเซบ ก่อนปลูก 
2.ควรปลูกพืชให้มีระยะห่างพอสมควรอย่าให้แน่นเกินไป 
3.เมื่อพบอาการบนใบควรพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช เมตาแลกซิล+แมนโคเซบไซบ็อกซามิล+แมนโคเซบออกซาไดซิล+แมนโคเซบโพรพิเนบ+ไซม็อกซามิล เป็นต้น หมายเหตุ โรคนี้ไม่ทำให้ต้นตาย แต่ทำให้การเจริญเติบโตช้า และไม่สวยงาม 

โรครากเน่าและโคนเน่า (Root and Stem Rot)

               สาเหตุเกิดจาก
เชื้อรา Phytophthora palmivora (Butler)
   ลักษณะอาการ
ต้นชวนชมที่โดนเจ้าเชื้อราตัวนี้โจมตี จะมีอาการ ใบไม่สดใส ห่อเหี่ยว เฉา ใบจะเหลืองและร่วงหล่น
ต้องหัดเป็นคนช่างสังเกตุ เพราะบางทีมันจะไม่แสดงอาการชัดเจนนัก กว่าจะรู้ตัว ลำต้นก็พับอ่น เรียกว่าเน่าใน แก้ไขกันไม่ค่อยจะทันต้องหัดเป็นคนช่างสังเกตุ เพราะบางทีมันจะไม่แสดงอาการชัดเจนนัก กว่าจะรู้ตัว ลำต้นก็พับอ่น เรียกว่าเน่าใน แก้ไขกันไม่ค่อยจะทัน
   การป้องกันและกำจัด
1. ติดตามสถานการณ์โรครากเน่าและโคนเน่า โดยสำรวจทุกต้น 7 วัน/ครั้ง ช่วงพฤษภาคม - ธันวาคม (ช่วงหน้าฝนของทุกปี)
2. ใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยเคมี และปูนขาว ในอัตราที่เหมาะสม เพื่อให้ดินมีสภาพเป็นดินดีทั้งทางด้านกายภาพ ชีวภาพ และเคมี (ดินควรมีสภาพเป็นกลาง คือ pH = 6.5)
3. เครื่องปลูก(ดิน)ในกระถางควรจะทำให้โปร่ง เพื่อที่เวลารดน้ำ แล้ว น้ำจะไม่ขัง 
4. เก็บรวบรวมใบ ดอก และผลที่เป็นโรค และร่วงหล่นอยู่ในบริเวณสวนไปเผาทำลาย
5. พบอาการของโรคเพียงเล็กน้อยที่ลำต้นหรือกิ่งแขนงใหญ่ ให้ขูดผิวเปลือกบริเวณที่เป็นโรคออก และนำไปเผาทำลาย แล้วทาแผลด้วยปูนแดง
6. พบอาการของโรครุนแรงที่ราก ลำต้น หรือกิ่งแขนงใหญ่ ให้ใช้ฟอสฟอรัส แอซิด 40% ใส่ กระบอกฉีด (ไม่ต้องผสมน้ำ) ฉีดเข้าที่ลำต้นหรือกิ่งในบริเวณตรงข้ามหรือใกล้บริเวณส่วนที่เป็นโรค (บริเวณที่เป็นเนื้อไม้ดี) เพื่อปรับสภาพเซลล์ของเนื้อไม้ให้มีความทนทานต่อ เชื้อราไฟท๊อปธอร่า

 อ้างอิงhttp://www.bloggang.com/viewblog.php?id=whanyen&group=10

วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2557

แมลงศัตรูชวนชม

แมลงศัตรูชวนชม
1.พลี้ยแป้ง เป็นแมลงปากดูดมีลำตัวอ่อนนุ่มปกคลุมด้วยเส้นขน สีขาวคล้ายแป้ง  เข้าทำลายต้นชวนชมโดยการดูดกินน้ำเลี้ยงบริเวณส่วนยอดใบ และดอกอ่อน ทำให้หงิกงอ  ชะงักการเจริญเติบโต ใบเหลือง และร่วงในที่สุด  นอกจากนี้เพลี้ยแป้งมักถ่ายมูลน้ำหวาน เพื่อล่อมด ซึ่งเป็นพาหะนำตัวอ่อน และไข่ของเพลี้ยแป้งไปแพร่ระบาดยังต้นอื่นๆ ได้  ส่วนมูลน้ำหวานนั้นยังเป็นอาหารของราดำ  ดูไม่สวยงาม ทำให้เห็นใบชวนชมมีลักษณะคล้ายฝุ่นสีดำปกคลุมอยู่

การป้องกันกำจัด
1.            ควรหมั่นสังเกตต้นชวนชมอย่างสม่ำเสมอ  โดยเฉพาะบริเวณใต้ใบ  ยอดอ่อน และดอกอ่อน
2.            หากพบแมลงเพียงเล็กน้อย อาจใช้มือหยิบทิ้ง  หรือ ใช้น้ำฉีดล้างเพลี้ยแป้งออก
3.            หากพบแมลงจำนวนมาก ควรใช้  สตาร์เกิล จ ตามคำแนะนำดังนี้ 
กระถาง ขนาด 6-8 นิ้ว  โรย สตาร์เกิล จี อัตรา 10 กรัม (1 ช้อนโต๊ะ) ต่อต้น  
กระถาง ขนาด มากกว่า 8 นิ้ว โรย สตาร์เกิล จี อัตรา 20 กรัม (2 ช้อนโต๊ะ) ต่อต้น    สำหรับชวนชมที่ปลูกลงดินที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของทรงพุ่มประมาณ 1 เมตร ควรโรย  สตาร์เกิล จี อัตรา 50 กรัม (5 ช้อนโต๊ะ) ต่อต้น จากนั้นให้รดน้ำตาม

2. พลี้ยอ่อน  เป็นแมลงปากดูด ขนาดเล็ก ลำตัวมีสีเหลือง เข้าทำลายโดยการดูดกินน้ำเลี้ยงตามใบ ยอดอ่อนและดอก ทำให้หงิกงอเป็นคลื่น หากมีการระบาดมาก ๆ จะทำให้ดอกเหี่ยว และอ่อนแอ ไม่ออกดอก บริเวณที่มีเพลี้ยอ่อนระบาดมักจะพบเห็นมดอาศัยกินน้ำหวาน ที่เพลี้ยอ่อนถ่ายออกมา จะทำให้เกิดราดำ เช่นเดียวกับเพลี้ยแป้ง สามารถพบเห็นได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงอากาศร้อน

การป้องกันกำจัด
  • หมั่นตรวจสอบต้นชวนชมอย่างสม่ำเสมอ  โดยเฉพาะช่วงอากาศร้อน
  • หากพบแมลงเพียงเล็กน้อย อาจใช้มือหยิบทิ้ง  หรือ ใช้น้ำฉีดล้างเพลี้ยแป้งออก
หากพบแมลงจำนวนมาก ควรใช้  สตาร์เกิล จี ตามวิธีเดียวกับการกำจัดแพลี้ยแป้ง

3.เพลี้ยไฟ  เป็นแมลงปากดูดที่มีขนาดเล็กมาก เพียง 1-2 มิลลิเมตร มองด้วยตาเปล่าเห็นเพียงแค่จุดสีดำ เล็กๆ มักเข้าทำลายโดยการดูดกินน้ำเลี้ยงจากยอด  ใบ  และดอกอ่อน ทำให้ส่วนที่ถูกทำลายหงิก  บิดเบี้ยวเป็นสีน้ำตาล  เหี่ยวแห้ง และใบร่วงในที่สุด
การป้องกันกำจัด
  • หมั่นตรวจสอบต้นชวนชมอย่างสม่ำเสมอ  ในช่วงที่อากาศแห้ง หรือฝนทิ้งช่วงนาน โดยเฉพาะช่วงที่อากาศร้อนและมีความชื้นสูง
หากพบการระบาดควรฉีดพ่นด้วย  แจคเก็ต อัตรา 5 ซีซี (1 ช้อนชา) ผสมน้ำ 5 ลิตร  ฉีดพ่นให้ทั่วต้น  ทุก 5-7 วัน  ติดต่อกัน 2-3 ครั้ง  จนสังเกตว่าไม่พบการเข้าทำลายของเพลี้ยไฟแล้ว

อ้างอิงhttp://www.sotus.co.th/Home%20garden%20care_chonchon.html

สายพันธุ์ชวนชม

สายพันธุ์ชวนชม

บางคล้า

      บางคล้า เป็นชวนชมสายพันธุ์ Thai Socotranum ที่เกิดจากกิ่งแม่เสียบตอไทยที่ชื่อว่า ดำริสิทธิ์โชคหมายเลข ๑ ซึ่งให้ลูกออกมามีลักษณะทรงต้นคล้ายคลึงกับ เพชรพระนครมาก แต่ลักษณะลำต้นและรากจะแตกต่างกันเล็กน้อย สามารถจัดแต่งทรงให้เป็นบอนไซได้อย่างสวยงาม

ลักษณะเด่น - ลำต้น บางคล้าจากสวนที่ผลิตชวนชมบางคล้าโดยตรงลำต้นจะมีสีดำเกาะบางเล็กน้อย ลักษณะโดยรวมคล้ายบอนไซ มีรากที่จัดให้เป็นบอนไซได้ มีทั้งทรงสูงและเตี้ย
กิ่ง กิ่งของบางคล้าจะค่อนข้างหนา กิ่งแตกออกขนานกับพื้น ข้อถี่ไม่ค่อยยืดมากนัก
ใบ ใบของบางคล้าจะค่อนข้างหนา กระดูกใบชัดเจน ใบเรียวค่อนข้างแหลม ขั้วใบจะหลุดยากเวลาพลัดใบ
ดอก ดอกสีชมพู มี 5 กลีบ สีค่อนข้างหวาน
เพชรบ้านนา

       เพชรบ้านนา เป็นชวนชมสายพันธุ์ THAI SOCOTRANUM ชนิดหนึ่งโดยแต่เดิมถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศโดย คุณลุงบุญเสริม เกียรติกุล ซึ่งต่อมา คุณอนุชา เกียรติกุล ได้เป็นผู้ดูแล และนำมาขยายพันธุ์ จนเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในปัจจุบันลักษณะคร่าว ๆ ของเพชรบ้านนา อาจดูได้ดังนี้
-ใบ ลักณะใบยาวแหลมมันวาวสีเทาอมตะกั่วหนา พื้นใบไม่เรียบ เส้นกระดูกใบชัด
-ดอก สีชมพูอ่อนอมขาวเล็กน้อย เกสรจะโผล่ออกจากกรวยดอก กรวยดอกอาจมีสีเหลืองนวลอ่อนหรือสีขาวนวล ดอกขนาดเล็ก ช่อดอกแน่น
-ฝัก เมื่อติดแล้วประมาณ 1 เดือน ฝักจะกางออกไม่ประกบชิดกัน มีสีเขียวและสีเขียวอมแดงบริเวณรอยปริของฝัก
-ลำต้นมีสีขาว หรือสีเขียวอมขาว อาจมีสีดำป็นส่วนน้อย ลำต้นไม่ตั้งตรง จะเอียงเมื่อโตขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากธรรมชาติในทะเลทราย ต้นจะเอียงเพื่อลดทอนความแรงของลมฝน
-ราก รากใหญ่ลอยตัวพ้นดินสวยงาม รายละเอียดรากฝอยน้อย

มงกุฎเพชร

              มงกุฎเพชร เป็นสายพันธุ์หนึ่งใน ไทยโซโคทรานั่มเช่นเดียวกัน เป็นไม้ที่ถูกนำมาพัฒนาจากสายพันธุ์บางคล้า ที่สวน NSD นำมาเปิดตัวเพื่อการตลาด ซื่งนับว่าเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาคนรักชวนชม 
ลักษณะคร่าว ๆ ของมงกุฎเพชร
-ใบยาวเรียบห่อโค้งสวยงาม สีเขียว และสีเขียวอมเทา แข็งหนาและมันวาวคล้ายบางคล้าและเขาหินซ้อน
-กิ่งข้อถี่ ใหญ่ กิ่งฝอยมากมักขนานกับพื้นดินตั้งแต่อายุยังน้อย
-ดอก ดอกสีชมพู หรือแดง หลอดดอกสีเหลือง หรือขาวนวล มีเส้นหลอดดอกชัดเจน
-ลำต้น ลำต้นตั้งตรง รากลอยตัวพ้นดินสวยงาม มีรากฝอยมาก เมื่ออายุมากขึ้น รากจะใหญ่ขึ้น ทำให้คอไม้สั้น
ระฆังทอง

        ระฆังทอง(รฆท) จัดอยู่ในตระกูลไทยโซโค ซึ่งมีความสวยงามและมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัวรากและโขดจะใหญ่มาก ทรงระฆังคว่ำคือเอกลักษณ์ประจำสายพันธุ์ กิ่งแตกออกรอบต้นแต่จะไม่นอนเท่ามงกุฎทอง สีดอกชมพูเข้มกว่า บางต้นเข้มมากจนเกือบแดง ใบใหญ่และกลมกว่ามงกุฎทอง ดูทรงต้นโดยรวมจะมีความแข็งแกร่งและภูมิฐาน
 เพชรกรุงเก่า

            เพชรกรุงเก่า เป็นชวนชมที่เกิดมาจาก เพชรบ้านนา ครับ โดยที่ต้นแม่เค้าเป็นเพชรบ้านนาแท้ๆ ที่เกิดจากต้นแม่ แต่เค้าแปลกไปจากพี่น้องมากๆตรงที่เค้าไม่โต กิ่งก้านเล็ก ข้อถี่ ย่นๆ กิ่งแตกทุกทิศทางเป็นพุ่ม และที่สำคัญคือขายพันธุ์ได้โดยการตอนหรือเสียบกิ่งเท่านั้น ต้นแม่ไม่เคยติดฝัก และคาดว่าแม้จะมีลูกออกมาฟอร์มเค้าก็ต้องออกเป็น เพชรบ้านนา แน่ๆ

อ้างอิงhttp://holiday4you13.blogspot.com/2013/03/blog-post_9253.html



การดูแลรักษาต้นชวนชม

การดูแลรักษาต้นชวนชม

การตัดแต่งกิ่ง
ธรรมชาติของชวนชมจะมีลักษณะทรงต้นและการบิดตัวที่สวยงามอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีความจำเป็นที่ต้องมีการตัดแต่งบังคับรูปทรงให้เป็นไปตามต้องการ โดยเฉพาะชวนชมที่มีอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปหรือต้นที่โตแล้ว มีกิ่งก้านสาขาเก้งก้างไม่เป็นพุ่มสวยงาม การตัดกิ่งควรตัดกิ่งก้านที่แตกออกมาเกะกะไม่เป็นระเบียบ กิ่งที่พาดทับกันไปมา กิ่งที่ตาย กิ่งที่ฉีกหัก กิ่งที่คดไปมา และกิ่งที่เป็นโรคออกบ้าง เพื่อช่วยเปิดให้แสงและอากาศถ่ายเทได้สะดวก ลักษณะทรงพุ่มเป็นระเบียบสวยงาม สำหรับพันธุ์ที่ไม่ค่อยแตกกิ่งก้าน สูงชะลูด ลำต้นอาจหักเมื่อโดนลมแรง อาจตัดยอดไปขยายพันธุ์ เพื่อให้ส่วนโคนที่เหลือแตกกิ่งออกมาใหม่ การตัดควรใช้มีดที่คมและสะอาดตัดให้ชิดลำต้น ไม่ควรเหลือตอกิ่งไว้ ถ้ารอยตัดมีขนาดโตกว่า 1 ซม. ควรใช้ปูนแดงทาที่รอยตัดเพื่อป้องกันเชื้อรา
การเลี้ยงโขด

การปลูกเลี้ยงชวนชมในอดีตส่วนใหญ่ปลูกเลี้ยงเพื่อให้มีดอกไว้ชื่นชมเพียงอย่างเดียว เมื่อมีชวนชมพันธุ์ลูกผสมจากต่างประเทศ โดยเฉพาะสายพันธุ์ฮอลแลนด์ซึ่งมีโขดเป็นจุดเด่นและมีลักษณะสวยงาม จึงทำให้ผู้ปลูกเลี้ยงนิยมเลี้ยงชวนชมให้มีดอกดกสวยงามควบคู่ไปกับการเลี้ยงโขดให้มีโขดใหญ่สวยงาม โขดยิ่งมีขนาดใหญ่ได้สัดส่วนยิ่งจะโดดเด่นสวยงามและมีราคาแพง การทำให้ชวนชมมีโขดใหญ่จะต้องทำให้รากชวนชมสะสมอาหารไว้ให้มากที่สุด เพราะโขดของชวนชมคือส่วนหนึ่งของราก จึงต้องให้โขดเจริญเติบโตใต้ดินตั้งแต่แรกปลูก และเมื่อชวนชมอายุได้ขนาดจะต้องเปลี่ยนกระถางให้ใหญ่ขึ้นเป็นระยะทุก 4-5 เดือน เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้โขดได้เจริญเติบโต ถ้าปลูกเลี้ยงในพื้นที่จำกัดโขดจะมีขนาดเล็ก เมื่อโขดมีขนาดใหญ่และได้รูปร่างตามต้องการแล้วจึงเปลี่ยนเป็นกระถางสำหรับโชว์โขดโดยเฉพาะ ทั้งนี้รวมเวลาจนถึงโขดมีขนาดใหญ่ตามที่ต้องการอาจต้องใช้เวลานับปี สำหรับโขดที่ปลูกโชว์ควรปลูกให้สูงเหนือดินขึ้นมาประมาณ 3 ใน 4 ส่วนของโขด
การทำให้ออกดอกและติดฝัก

เนื่องจากชวนชมเป็นไม้ที่ชอบแสงแดดจึงควรปลูกกลางแจ้งจะทำให้ชวนชมออกดอกตลอดปี ที่สำคัญคือดินปลูกต้องมีธาตุอาหารอุดมสมบูรณ์ จึงจะทำให้ชวนชมออกดอกดก ติดฝักดี เมื่อชวนชมถึงระยะที่แข็งแรงสมบูรณ์พร้อมที่จะออกดอก ให้ใช้ปุ๋ยเร่งดอกสูตร 0-25-25 พร้อมทั้งให้โฮโมนทางใบ หลังจากใส่ปุ๋ยประมาณ 1 เดือน ชวนชมจะออกดอก และระยะตั้งแต่ดอกตูมเล็กๆ จนถึงดอกบานใช้เวลาประมาณ 1 เดือน สำหรับในหน้าฝนชวนชมจะมีดอกน้อยและต้องระวังการเกิดโรคเน่า เพราะถ้าชวนชมได้รับน้ำมากจนแฉะจะทำให้เกิดโรคเน่าและตายได้

อ้างอิง http://www.panmai.com/DesertRose/DesertRose_2.shtml